เที่ยวตุรกี ชมความอลังการของ Blue Mosque นักท่องเที่ยวตัวจริงไม่ควรพลาด
อัสลามมุอาลัยกุมลูกเพจ MAKAN HALAL GUIDE ทุกท่าน ในวันนี้จะขอนำเรื่องราวที่น่าสนใจของมัสยิดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศประเทศตุรกี นั่นก็คือ มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด หรือ มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) ตั้งอยู่ในเขตฟาตีห์อัมจัตุรัสสุลต่านอาเหม็ด ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมตุรกีและอิสลาม และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกแห่งของอิสตันบูล
หลังจากเดินออกมาจากรั้วประตูมัสยิด อายา โซเฟียแล้ว เพียงแค่เงยหน้าขึ้นก็จะได้พบกับมัสยิดหลังใหญ่อีกหลังที่ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้เคียงกัน ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอิสตัลบลูและตุรกีอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาเดินไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงมัสยิดหลังนี้แล้วคะ
มัสยิดหลังนี้ มีชื่อเดิมว่า “มัสยิดสุลต่านอาเหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed Mosque) ถูกสร้างขึ้นในสมัยของสุลต่านอาเหม็ดที่1ระหว่างปี ค.ศ. 1606 แล้วเสร็จในปี 1616 เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ์ ออตโตมัน และตั้งใจว่าจะต้องสร้างให้ใหญ่และสวยกว่า อายา โซเฟีย ที่อยู่ใกล้ๆกันอีกด้วยค่ะ
ส่วนเหตุผลที่เรียกมัสยิดหลังนี้กันว่า มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) ก็เพราะว่า ภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินจากเมืองอิซนิคของตุรกีที่มีชื่อเสียงการทำกระเบื้อง มากกว่า 20,000 ชิ้น วาดลวดลายที่อ่อนช้อยและงามสง่า เป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น ผลไม้ และต้นไซปรัส
นอกจากนี้ชั้นบนสุดยังมีหน้าต่างถึง 260 บานสลับกับการตกแต่งของกระจกสีอย่างสวยงามออกแบบอย่างวิจิตรบรรจง เมื่อมีแสงจากธรรมชาติส่องตกกระทบกับกระจกสี จะส่องแสงระยิบระยับสวยงาม จนทำให้ที่แห่งนี้มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
สถาปัตยกรรมมัสยิดหลังนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและสะท้อนความเป็นอิสลามได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหออาซาน 6 ต้น จนเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์สำคัญของอิสตัลบลูและตุรกี ไม่ว่าจะมองมาจากมุมไหนก็จะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวดินแดน 2 ทวีปแห่งนี้ ไม่พลาดที่จะต้องไปเยือน
องค์ประกอบภายในที่สำคัญของมัสยิดอีกประการคือ มิห์รอบ ซึ่งทำจากหินอ่อนแกะสลักอย่างประณีต มีช่องหินย้อยและแผงจารึกสองชั้น ล้อมรอบด้วยหน้าต่างหลายบาน ผนังข้างเคียงปูด้วยกระเบื้อง ภายในมัสยิดได้รับการออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถมองเห็นและได้ยินอิหม่าม แม้ในช่วงเวลาที่มีผู้คนจำนวนมาก
ปัจจุบันมัสยิดสีน้ำเงิน ยังถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา แต่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในระหว่างที่ไม่มีการประกอบพิธี วันที่แอดฯไปถึงก็ยังมีมุสลิมเข้าไปละหมาดกันเยอะมากค่ะ แต่เสียดายนิดนึงว่า ทางการตุรกีกำลังปรับปรุงและซ่อมแซมภายในกันอยู่
แม้ว่าจะมีการปิดกั้นบางส่วนไว้บ้าง แต่ก็ยังพอที่จะมองเห็นร่องรอยความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของมัสยิดหลังนี้ได้ค่ะ ซึ่งเคยมีรายงานจากหนังสือพิมพ์รายวัน The Telegraph ของอังกฤษ ว่า มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) มีแบบสถาปัตยกรรมที่งดงามและแปลกตาที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 3
สำหรับภายนอกของมัสยิดสีน้ำเงินนั้น สวนด้านหน้าที่กว้างขวางนั้นสร้างเหมือนกับสวนหน้าของมัสยิด Süleymaniye ลานด้านในล้อมรอบด้วยทางเดินที่ต่อเนื่องกับประตูขนาดใหญ่ โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมอาร์เคด(หรือทางเดินยาวๆที่ล้อมรอบลาน)
ในมุมมองของแอดฯ มัสยิดหลังนี้มีความโดดเด่นทั้งด้านการเป็นโบราณสถานที่สำคัญและยิ่งใหญ่ รวมทั้งความภาคภูมิใจของชาวตุรกีทีถูกสร้างสรรค์มาตั้งแต่จักรวรรดิออตโตมัน เป็นศาสนสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมุสลิมมาละหมาดและขอดุอาอฺที่มัสยิดหลังนี้จำนวนมาก ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างศาสนิกก็มีเยอะเช่นกันค่ะ
ทางด้านสถาปัตยกรรม มัสยิดหลังนี้ได้รับการออกแบบทางสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นมัสยิดที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก การตกแต่งภายในก็เช่นเดียวกัน ได้มีการตกแต่งวิจิตร คัดสรรวัสดุชั้นเยี่ยมตามบัญชาของสุลต่าน ความสวยงามยากที่จะพรรณนา ต้องเข้ามาเห็นกับตาตัวเองแล้วจะเข้าใจค่ะ
เรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมด คงจะเป็นเหตุที่ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะต้องไปเยี่ยมชมมัสยิดแห่งนี้ค่ะ ส่วนการเข้าชมด้านในทางมัสยิดก็จะมีกฎกติกาคล้ายๆกับมัสยิดอายาโซเฟียค่ะคือ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงมุสลิมต้องใส่ชุดสุภาพเรียบร้อยและคลุมฮิญาญ ซึ่งทางมัสยิดจะจัดเตรียมฮิญาบไว้ให้ สำหรับผู้ชายก็ต้องแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยเช่นกัน และไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าค่ะ